กลับมาแล้วครับกับ สุดประทับใจ ดอยหลวงเชียงดาว ตอนต่อมา หลังจากที่ ภาคแรก เราหยุดแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แถวๆ ตลาดกับพี่คนขับรถสองแถวสุดเท่ห์ (ใครจำไม่ได้ให้ กลับไปอ่านใหม่ นะจ๊ะไม่ว่ากันเพราะมันนานจัด)
หลังจากที่เตรียมอาหารระหว่างเดินทางเรียบร้อยแล้ว เราก้อไปยังที่ทำการอุทยานครับ

รูปนี้พี่ต่อก็ขอชักภาพเป็นที่ระทึก เอ้ยที่ระลึกซักหน่อย

ตาบอมบ์ถึงกับต้องหันไปมอง

ถ่าย พี่ๆ น้าๆ ลุงๆ ไกด์ บ้าง
อื่ม… หลังจากนั้นเราก็นั่งรถกระบะ พาเสียว ต่อไปอีก (รับรองได้ว่าอีกซักพักคนค้นคำว่าเสียวต้องเข้าเว็บเรา) ที่บอกว่ากระบะพาเสียวเพราะว่า พี่คนขับไม่เคยเหยียบเบรคเลยคับ แล้วมันเป็นทางชัน จนบอมบ์ทักว่า เค้ารู้มั๊ยว่า เบรคคืออันกลาง
อืมหารูปตอนทางขึ้นไม่ค่อยเจอ ระหว่างทางก็เหนื่อยมากเลยคับ (หุ่นผอมเพรียวก็เป็นแบบนี้แหละ) เดินตามใครไม่ค่อยทันสุดท้ายเลยตัดใจไม่ตาม แล้วค่อยๆเดินไปตามทางชมไปเรื่อยๆคับ ซึ่งผมว่ามันก็เดินง่ายนะ เดินคนเดียวครั้งแรกยังไม่หลงเลย ชมธรรมชาติตามทางกันดีกว่า (รูปก็แอบน้อยนิดนึง เพราะไม่มีแรงยกกล้องถ่ายอะไร แหะๆ)
ด้วยความที่เป็นคนที่บ้าแต่คอมพิวเตอร์ ต้นไม้ทุกต้นคือสายพัน อะรูมิไร้ (อะไรไม่รู้) ทั้งสิ้น ดูเงียบๆห้ามถามเชียวเพราะตอบไม่ได้

อะรูมิไร้ 1

ดอกนี้เคยจำได้ ลุงไกด์บอกว่า หายากมากๆ โชคดีจริงๆที่เห็นและถ่ายมาไว้ (ตอนถ่ายไม่ได้รู้เรื่องเลย)

ดอกนกแก้ว (อันนี้เป็นช่วงที่เดินไปทัน เกาะกลุ่มพอดี)

ซากุระเมืองไทย สวยมั๊ยหล่า
รูปเริ่มเยอะเด๋วจะโหลดกันนาน ก็บอกได้คำเดียวว่า เดินกับเดินและเดินคับ เป็นการฝึกจิตใจตัวเองไปในตัว เพราะว่าตอนเดินผมว่าผมไม่ไหวแล้วนะ แต่ก็ ค่อยๆก้าวไปเรื่อยๆ ทีละก้าวๆ สังเกตุรอยทางเดิน เดินไปเรื่อยๆก้อไม่หลงครับ คุ้นๆว่าเดินจนถึง ห้าโมงเย็นได้ เริ่มออกเดินตอน ช่วงเช้าๆ หลายๆคนถึงยอดกางเต้นรอแล้วครับ ถ้าจำไม่ผิด คนที่อยู่หลังผมอีก มีสามคน คือพี่ต่อ ตี๋ แนน
เดินไปอีกซักพัก ก็เจอขันเดินลงมาครับ มาบอกว่า เดินขวาไปเรื่อยๆ เจอกอหญ้าสูงๆแล้ว ซ้าย แล้วขันก็เดินลงไปช่วยต๊่ แบกกระเป๋า ที่ช่วยแบกให้แนนอีกที (ถ้าไม่นับขัน ตี๋เป็นซุปเปอร์แมนคนที่สอง เพราะว่า ขนาดกระเป๋าก็สูงเกือบเมตร)
ผมก็เดินไปอีก จนถึงเจอกอหญ้าครับ แต่เนื่องจากมันสูงท่วมหัว แหะๆ หลงคับ เวรกำ ฟ้าก็จะมืด ทำไงดี ชีวิตเริ่มหดหู่ -_-!
ผมเลยตัดสินใจมองกลับไปไกลๆ แล้วเดินย้อนกลับมานิดหน่อย แล้วนั่งรอ กลุ่มที่ขันลงไปรับ (ได้พักเหนื่อยไปในตัว)
นั่งรออยู่ เกือบครึ่งชั่วโมงได้ ในใจก็คิดว่า พวกเมิงอย่าเดินผ่านไปตอนตรูหลงนะเฟร้ย เอากล้องมานั่งดูรูปเล่น
และแล้ว ก็ได้ยินเสียงแนนครับ เหมือนเสียงสวรรด์ อิอิอิ นึกว่าจะเดินผ่านกันไปหมดแล้ว (สังเกตได้ว่าช่วงนี้ไม่มีรูปครับ เพราะกำลังเครียดว่าจะหลงมั๊ย)
พอรวมตัวกันได้ ห้าคน ขันก็เดินนำครับ เวรกำ มันหลงตรงที่เดียวกะผมเลย (แล้วตอนเมิงขึ้นไปเมิงขึ้นไปยังไงฟร๊ะ) ไม่เป็นไร ใจเย็นๆ ฟ้ามืดแล้ว ระหว่างที่ขัน ยังขำไม่ออก มีแสงไฟมาจากด้านหน้าครับ (อย่าคิดเชียวว่าเป็นกระสือ ไม่ใช่ๆ) กลุ่มไกด์เห็นลงมานานครับ เลยลงมาตาม
สรุป รอดตาย ถึงยอดเข้า ฟ้ามืดสนิท หายใจเป็นควันแล้ว หนาวมาก แต่ผมชอบแหะๆ
และก็เอาของเข้าไปเก็บในเต็นท์ที่กางไว้แล้ว และเดินไปกินข้าวที่หุงไว้เสร็จแล้ว แต่ไม่มีไข่ไก่ เพราะมันอยู่ที่ผมสองโหล แหะๆๆ (อยากรับน้องด้วยไข่ไก่ เลยอดกินไปตามระเบียบ)
อย่างที่บอกครับ ผมไปแบบไม่รู้จักใครเลยนอกจากตี๋ แล้วนอนกะใครหละ ตาบ๋อม และพี่ต่อ บังเอิญ สามคนบ้ากล้องมานอนอยู่เต้นเดียวกัน นอนคุยกันนานเลยคับ (จนตี๋ที่อยู่อีกเต็นท์นึง บอกว่าบ้ากล้องสามคนมานอนด้วยกัน บังเอิญจริงๆ)
แล้วก็หลับเป็นตายครับ แถมเปิดสัญญาณกันสัตว์ป่าบุกเต็นท์ กันทั่วหน้า
คร็อกกกกก ฟี้………
ปล. แอบมาเผาพี่ต่อนิดนึง แกนอนทับ เคาท์เตอร์เพนคูล คับ ไม่ต้องนึก ว่าบนนั้นหนะ ไม่กี่องศา + ยานวด เรียกได้ว่าหนาวระดับเทพฯ และ ผมกะบอมบ์ ก็นอนแสบตาไปทั้งคืน T T